วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

เวลคัมทูไซแอม

ได้รับ foward mail จากเพื่อนคนหนึ่ง เลยเข้าไปดู เห็นว่าน่าสนใจดี เป็นภาพยนต์ที่ฝรั่งถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับเมืองไทยเมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว ไหนๆ บล็อกนี้ก็เกี่ยวกับแนวเรื่องเก่าๆ ดีๆ จึงอยากจะขออนุญาตเอาภาพเหล่านี้มาฝาก เพื่อให้เห็นว่า ครั้งหนึ่ง บ้านเมืองของเราเคยสวยงามอย่างไร แม้ไม่ทันสมัย แต่ก็ดูน่าอยู่นะ ว่าไหม อย่างน้อยคนไทยก็คงไม่ทะเลาะกันมากเหมือนสมัยนี้












วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2553

ชีวิตที่พอเพียงของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก : วอร์เรน บัพเฟตต์ ( Warren Buffet )

ได้มาจาก internet นานแล้ว ไม่ทราบแหล่งที่มา (จำไม่ได้)ลองมาดูกันว่า คนที่่รวยสุดๆ ของโลกเขามีชีวิตอย่างไร

วอร์เรน บัพเฟตต์ ( Warren Buffet )

Warren Buffett

มี รายการสัมภาษณ์หนึ่งชั่วโมงของ สถานีโทรทัศน์ CNBC สัมภาษณ์วอร์เรน บัพเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก ( รองจากบิล เกตส์ ) ซึ่งบริจาคเงินให้การกุศลถึง 31,000 ล้านดอลล่าร์ ( เป็นเงินไทยก็ราวๆ 1,000,000,000,000 อ่านว่า 1 ล้าน ล้านบาท โอ้แม่เจ้า ! )

ต่อไปนี้คือแง่มุมบางส่วนที่น่าสนใจยิ่งจากชีวิตของเขา :

1) เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ และปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป !

2) เขาซื้อไร่เล็กๆ เมื่ออายุ 14 โดยใช้เงินเก็บจากการส่งหนังสือพิมพ์

3) เขายังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังเดิมขนาด 3 ห้องนอน กลางเมืองโอมาฮา ที่ซื้อไว้หลังแต่งงานเมื่อ 50 ปีก่อน เขาบอกว่ามีทุกสิ่งที่ต้องการในบ้านหลังนี้ บ้านเขาไม่มีรั้วหรือกำแพงล้อม

4) เขาขับรถไปไหนมาไหนต้วยตนเอง ไม่มีคนขับรถหรือคนคุ้มกัน

5) เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว แม้จะเป็นเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก

6) บริษัท เบิร์กไช แฮทะเวย์ ของเขามีบริษัทในเครือ 63 บริษัท เขาเขียนจดหมายถึงซีอีโอของบริษัทเหล่านี้เพียงปีละฉบับเดียว เพื่อให้เป้าหมายประจำปี เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับซีอีโอเหล่านี้เป็นประจำ

7) เขาให้กฎแก่ ซีอีโอ เพียงสองข้อ
กฎข้อ 1 อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย
กฎข้อ 2 อย่าลืมกฎข้อ 1

Cool เขาไม่สมาคมกับพวกไฮโซ การพักผ่อนเมื่อกลับบ้าน คือทำข้าวโพดคั่วกิน และดูโทรทัศน์

9) บิล เกตส์ คนที่รวยที่สุดในโลก เพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน บิล เกตส์คิดว่าตนเองไม่มีอะไรเหมือนวอร์เรน บัพเฟตต์เลย จึงให้เวลานัดไว้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อบิล เกดส์ได้พบบัฟเฟตต์จริงๆ ปรากฏว่าคุยกันนานถึงสิบชั่วโมง และบิล เกตส์กลายเป็นผู้มีศรัทธาในตัววอร์เรน บัพเฟตต์

10) วอร์เรน บัพเฟตต์ ไม่ใช้มือถือ และไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน

11) เขาแนะนำเยาวชนคนหนุ่มสาวว่า : จงหลีกห่างจากบัตรเครดิต และลงทุนในตัวคุณเอง

ที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย ๔ อย่างเพียงพอนั่นเอง

มหาเศรษฐีหรือยาจก กินข้าวแล้วก็อิ่ม 1 มื้อ เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุด เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ ก็เหมือนกันคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เหมือนกัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร สุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน

ภาพในอดีต

ภาพการจัดเลี้ยงบุคคลสำคัญเหล่านี้ เก็บไว้ที่ห้องสมุด รร.พธ.ฯ มานานแล้ว ผมมาเห็นเข้าและพบว่า มีสภาพเก่ามาก บางรูปกระดาษเริ่มเสื่อมสภาพและมีลายเป็นจุดๆ ซึ่งก็คงจะมีรูปบางส่วนที่สูญหายไปบ้าง จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก ผมเห็นว่าในยุคปัจจุบัน เราต่างก็เก็บภาพเป็นแบบดิจิตอลกันแล้ว การอัดภาพหรือสำเนาเก็บไว้เป็นไฟล์ก็ทำได้แสนง่ายดาย ดังนั้น เพื่อให้พวกเราได้มีส่วนร่วมในการช่วยกันเก็บรักษาภาพประวัติศาสตร์ัอันมีค่าเหล่านี้ไว้ ผมได้ให้เจ้าหน้าที่ห้องสมุดแสกนภาพเหล่านี้้ และนำขึ้นไป upload ไว้ใน Flickr โดยไม่ได้มีการตกแต่งภาพแต่อย่างใด เพราะต้องการให้เป็นภาพแบบ original และดู classic



ท่านสามารถเข้าไป download ภาพเหล่านี้ได้จาก Flicker ครับ และหากท่านมีข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล สถานที่ หรืออะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับภาพ ก็ขอให้แจ้งได้ทั้งที่ใน Flickr และในบล็อกนี้ จะขอบพระคุณมาก

วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553

คำคมจากขงเบ้ง

หลงเข้าไปในเว็บบอร์ดผู้ปกครองของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ไปเจอเรื่องนี้โดยบังเอิญ (อีกแล้ว) เลยเอามาฝาก




ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นคำคมของขงเบ้งจริงหรือเปล่า เพราะเคยอ่านมาว่า สามก๊ก เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นภายหลัง ตามจินตนาการของผู้แต่ง ความถูกต้องทางประวัติศาสตร์จึงอาจมีน้อย นี่ยังไม่นับเรื่องที่เสริมเติมแต่งโดยคนรุ่นต่อมา และความผิดเพี้ยนจาการแปลเป็นภาษาต่างๆ อีกนะ แต่เอาละครับ ถึงอย่างไร คำเหล่าก็ยังคงคมอยู่ และหลายๆ ประโยคก็ให้ข้อคิดที่ดีมาก คิดเสียว่า เป็นคำคมในสุดยอดวรรณคดีเล่มหนึ่งของโลกก็แล้วกัน